เสมา3 ‘กนกวรรณ วิลาวัลย์’ ลงพื้นที่อุบลราชธานี ตรวจเยี่ยมการจัดการศึกษา กศน.
26 พ.ย. 2562 / กระทรวงศึกษาธิการ
(23 พ.ย. 62) ดร.กนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ตรวจเยี่ยมสถานศึกษาและมอบนโยบายในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี พร้อมด้วยนายสมเกียรติ ตันดิลกตระกูล ผู้ช่วยเลขานุการ รมว.ศธ., นายดิศกุล เกษมสวัสดิ์ เลขาธิการ กศน., นายณัฐพงษ์ นวลมาก รองเลขาธิการ กศน. และคณะ ร่วมลงพื้นที่
ตรวจเยี่ยมห้องสมุดประชาชน มุ่งพัฒนาให้เป็นพื้นที่แห่งความสุข รองรับการใช้งานของคนทุกช่วงวัย
รมช.ศึกษาธิการ และคณะ ตรวจเยี่ยมห้องสมุดประชาชนจังหวัดอุบลราชธานี ในการเตรียมพร้อมให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ต้นแบบ (Co-Learning Space) กศน.อำเภอเมืองอุบลราชธานี โดยห้องสมุดประชาชนประชาชนจังหวัดอุบลราชธานีได้มีการจัดสรรพื้นที่การใช้งานที่หลากหลาย สอดคล้องกับความต้องการของคนทุกวัย เช่น ห้องนิทรรศการ, กิจกรรมเยาวชน สำหรับเด็ก ๆ มาฝึกเรียนรู้กิจกรรมที่สนใจหมุนเวียนไปทุกเดือน ห้องเรียนรู้ตลอดชีวิตสำหรับการเรียนภาษา ห้องประชุม มุมฝึกทักษะอาชีพ เป็นต้น
รมช.ศึกษาธิการ กล่าวชื่นชมการบริหารจัดการห้องสมุดประชาชนจังหวัดอุบลราชธานี ที่ออกแบบโดยคำนึงถึงผู้ใช้งานทุกช่วงวัย และมีข้อแนะนำว่าอยากให้เพิ่มเติมในส่วนของพื้นที่ให้ความรู้เกี่ยวกับศาสตร์พระราชา รวมถึงพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อปลูกฝังให้ประชาชนได้รับแนวคิดที่ถูกต้อง สามารถนำไป ปฏิบัติตามได้ รู้จักพึ่งตนเองอย่างชาญฉลาด เตรียมรับมือกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้ดี ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ภัยแล้งหรือการสร้างอาชีพอย่างยั่งยืน ตลอดจนส่งเสริมให้เด็กเข้าใจความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งนี้หากมีสิ่งใดที่รัฐบาลเดิมทำไว้ดีอยู่แล้วขอให้ทำต่อไป รวมทั้งเสาะหาภาคีเครือข่ายเพื่อมาสนับสนุนการดำเนินงานของ กศน. เพิ่มเติมด้วย
โอกาสนี้ รมช.ศึกษาธิการ ยังได้ถามความคิดเห็นของประชาชนที่มาใช้บริการห้องสมุดประชาชนจังหวัดอุบลราชธานีโดยตรง ซึ่งก็ได้รับข้อเสนอว่าอยากให้ติดแอร์ในห้องสมุดเพื่อจะได้ใช้เวลาอ่านหนังสืออยู่ได้นาน และขอเพิ่มเทคโนโลยีในห้องสมุด โดยเฉพาะการจัดมุมคอมพิวเตอร์สำหรับผู้สูงอายุโดยตรง ซึ่ง รมช. ศึกษาธิการ ยินดีรับข้อเสนอแนะดังกล่าวไปดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563
ตรวจเยี่ยมการเรียนการสอนกลุ่มเด็กเร่ร่อน ส่งครู กศน. “รุกถึงที่ ลุยถึงถิ่น”
รมช.ศึกษาธิการ พร้อมคณะ เดินทางไปตรวจเยี่ยมกิจกรรมการเรียนการสอนกลุ่มเด็กเร่ร่อน ที่ชุมชนท่าบ้งมั่ง เทศบาลเมืองวารินชำราบ โดย กศน. อำเภอวารินชำราบ จ.อุบลราชธานี
นายสมพงษ์ จันทร์เกษ ผอ.กศน.อำเภอมืองอุบลราชธานี กล่าวว่า กศน.อำเภอมืองอุบลราชธานี
ได้จัดการศึกษานอกระบบสำหรับเด็กด้อยโอกาส ตั้งแต่ปี 2552 จนถึงปัจจุบัน มีบุคลากรครูที่รับผิดชอบ จำนวน 4 คน มีกลุ่มเป้าหมาย จำนวน 111 คน กระจายอยู่ในพื้นที่ ชุมชนแออัดของอำเภอเมืองอุบลราชธานีและอำเภอวารินชำราบ จำนวน 11 ชุมชน เนื่องจากสภาพแวดล้อมของชุมชนมืองที่มีความเหลื่อมล้ำของผู้คนที่มาจากต่างถิ่นเข้ามาอาศัยอยู่ในพื้นที่ ส่งผลให้กลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นผู้ด้อยโอกาส เข้าไม่ถึงการบริการ สวัสดิการต่าง ๆ ของภาครัฐ จึงต้องการความช่วยเหลือ การพัฒนา เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขตามอัตภาพ โดยไม่สร้างความเดือดร้อนหรือเป็นภาระของสังคม
กศน.อำเภอเมืองอุบลราชธานี จึงขับเคลื่อนการจัดการศึกษานอกระบบสำหรับเด็กด้อยโอกาส ประกอบด้วย การจัดการศึกษาชั้นพื้นฐาน การจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะชีวิต การจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาอาชีพ การจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาสังคมและชุมชน และการจัดการศึกษาตามอัธยาศัย โดยประสานงานร่วมกับภาคีเครือข่าย เช่น เทศบาลนครอุบลราชธานี เทศบาลเมืองวารินชำราบ โรงเรียนพุทธเมตตา(วัดไชยมงคล) สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พมจ.) เป็นต้น และเนื่องจากกลุ่มเป้าหมายมีข้อจำกัดหลายด้าน จึงใช้วิธีการส่งครู กศน. ลงพื้นที่เข้าไปสอนถึงที่บ้านหรือที่ชุมชน เรียกว่าจัดการสอนแบบรุกถึงที่ ลุยถึงถิ่น ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
ด้าน รมช.ศึกษาธิการ กล่าวชื่นชม กศน.อำเภอเมืองอุบลราชธานี และภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนที่ร่วมแรงร่วมใจกันดูแลกลุ่มผู้ด้อยโอกาสให้ทัดเทียมกันในสังคม และเน้นย้ำให้ กศน.เป็นองค์กรหลักในการขับเคลื่อนการทำงานร่วมกับชุมชนโดยใช้การศึกษาเป็นฐานรากในการพัฒนาเพื่อให้ทุกคนมีโอกาสเท่าเทียมกัน พร้อมทั้งมอบผ้าห่มและพบปะพูดคุยกับกลุ่มผู้ด้อยโอกาสที่มาต้อนรับ
มอบบ้านแห่งความรักความอบอุ่น โครงการจิตอาสาทำความดีจากพี่สู่น้อง และตรวจเยี่ยมการจัดการเรียนการสอนสำหรับผู้สูงอายุ
รมช.ศึกษาธิการ พร้อมคณะ เดินทางไปบ้านโคกเจริญ อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี เพื่อมอบบ้าน หม้อหุงข้าว และผ้าห่ม ให้แก่นักศึกษาผู้พิการ/ผู้สูงอายุ สังกัด กศน.
ตามนโยบายที่ให้สถานศึกษาทุกแห่งเยี่ยมบ้านของผู้เรียนทุกภาคเรียน กศน.อำเภอเดชอุดมจึงนำนโยบายสู่การปฏิบัติ โดยออกเยี่ยมบ้านผู้เรียนทุกราย และพบว่านางสาวอุรักษ์ จงเจริญ อายุ 64 ปี นักศึกษาระดับประถมศึกษา สังกัด กศน.อำเภอเดชอุดม ซึ่งเป็นผู้พิการและเป็นผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย ไม่มีที่อยู่อาศัยของตนเอง อาศัยเล้าไก่ชาวบ้านอยู่ ไม่มีน้ำและไฟฟ้าใช้ ดำรงชีพด้วยเบี้ยผู้สูงอายุ โดยพิจารณาแล้วเห็นว่านางสาวอุรักษ์ จงเจริญ เป็นคนดี ประกอบอาชีพสุจริต ช่วยเหลือสังคมอยู่เสมอ กศน.อำเภอเดชอุดม และ อบต.เมืองเดช จึงตอบสนองนโยบายรัฐของบาลที่จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ร่วมกันซื้อข้าวของเครื่องใช้ และช่วยกันก่อสร้างบ้านให้นางสาวอุรักษ์ จงเจริญ จนแล้วเสร็จรวมมูลค่า 90,000 บาท ตามโครงการจิตอาสาทำความดีจากพี่สู่น้อง
รมช.ศึกษาธิการ กล่าวชื่นชมผู้บริหาร กศน.ทั้งระดับจังหวัดและอำเภอ ตลอดจนครู กศน.ที่ให้การดูแล ติดตามช่วยเหลือผู้เรียน โดยการจัดกิจกรรมเยี่ยมบ้าน ทำให้ครูและนักศึกษาเกิดความสัมพันธ์ที่ดี และทำให้ครูได้รู้ได้เห็นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมต่าง ๆ และสภาพความเป็นอยู่ทางบ้านของนักศึกษา สามารถนำข้อมูลไปวางแผนพัฒนา ส่งเสริมและแก้ปัญหาของนักศึกษาได้ ดังเช่นการการสร้างบ้านให้กับนางสาวอุรักษ์ จงเจริญ พร้อมทั้งขอบคุณทุกฝ่ายที่ได้ให้การสนับสนุนและร่วมมือช่วยเหลือในการก่อสร้างบ้าน เสียสละกำลังกาย กำลังใจ กำลังทรัพย์ ช่วยเหลือการก่อสร้างบ้านจนสำเร็จลุล่วงด้วยดี ทำให้บ้านหลังนี้เป็นบ้านแห่งน้ำใจเอื้ออาทรอย่างแท้จริง
จากนั้น รมช.ศึกษาธิการ พร้อมคณะ ตรวจเยี่ยมการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนสำหรับผู้สูงอายุ ณ โรงเรียนผู้สูงอายุ กศน.อำเภอเดชอุดม จ.อุบลราชธานี
โรงเรียนผู้สูงอายุเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2561 มุ่งพัฒนาศักยภาพให้แก่ผู้สูงอายุภายใต้แนวคิด “การศึกษานอกโรงเรียนเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต” โดยมีผู้สูงอายุในพื้นที่เขต อบต.เมืองเดช ให้ความร่วมมือในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนร่วมกันทุกวันอังคารของสัปดาห์ เน้นการพัฒนาผู้สูงอายุด้วยการเรียนเพื่อพัฒนาศักยภาพชีวิต การเรียนเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต และการเรียนเพื่อพัฒนาสุขภาพชีวิต ผ่านการถ่ายทอดความรู้อย่างเป็นระบบที่ผู้สูงอายุจะได้เรียนรู้อย่างสนุกสนาน เกิดทักษะด้านการดูแลตัวเอง และพึ่งพาตัวเองได้ในระดับพื้นฐาน ทำให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพกายสุขภาพใจที่ดีขึ้น มีเพื่อน ๆ ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน เกิดประโยชน์แก่ตัวผู้เรียนรวมถึงการพัฒนาความสามารถทางกาย จิต สังคม ปัญญา และเศรษฐกิจ เพื่อให้ผู้สูงอายุมีศักยภาพยิ่งขึ้น
รมช.ศึกษาธิการ กล่าวขอบคุณทุกฝ่ายที่จัดกิจกรรมเพื่อผู้สูงอายุ ซึ่งในอนาคตผู้สูงอายุจะมีศักยภาพมากขึ้น จึงขอให้ผู้สูงอายุอย่าอายที่จะมาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์แก่กัน และเน้นย้ำให้สอดแทรกความสำคัญของสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รวมไปในกิจกรรมต่าง ๆ ด้วย